วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2555

การสืบค้นข้อมูลจากเน็ต

การสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
          1.  เว็บไซต์ (Website)  หมายถึง  ที่ตั้งเครือข่ายข้อมูลที่เชื่อมโยงติดต่อกันได้ทั่วทุกมุมโลกโดยการค้นหาข้อมูลในแต่ละเว็บไซต์จะต้องทราบชื่อเว็บไซต์ที่เราต้องการหาข้อมูลนั้น ๆ หรือสามารถค้นหา
เว็บไซต์ที่เราต้องการค้นคว้าผ่านทางเว็บไซต์ที่เปิดบริการให้ค้นคว้าหาข้อมูลต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยได้ที่ www.google.com  www.yahoo.com  www.sanook.com  เป็นต้น
                    1.1  การค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ตามคำหลัก  จะต้องอาศัยการประมวลข้อมูลที่ต้องการค้นหาออกมาเป็นคำหลัก  (keyword)  ให้ได้ก่อน
                    1.2  การสืบค้นข้อมูลในเว็บไซต์ตามหมวดหมู่ที่ทางเว็บไซต์ได้แบ่งหมวดหมู่ไว้อย่างชัดเจนทำให้สะดวกมากขึ้น  โดยการจัดหมวดหมู่ของแต่ละเว็บไซต์จะแตกต่างกัน
          2.  ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์  ห้องสมุดประเภทนี้จะแตกต่างจากห้องสมุดทั่วไปเพราะสามารถใช้บริการผ่านทางอินเทอร์เน็ต  การค้นหาข้อมูลสะดวก  รวดเร็ว  โดยสามารถค้นคว้าได้จากชื่อเรื่อง  หัวเรื่อง ชื่อหนังสือ  ชื่อผู้แต่ง  เลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ (ISBN)  เลขมาตรฐานสากลประจำวารสาร (ISSN)  สำนักพิมพ์  ปีที่พิมพ์  เป็นต้น  ซึ่งการค้นคว้าในห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์สามารถระบุข้อมูลหรือเงื่อนไขเฉพาะได้ชัดเจน  เช่น  ต้องการทราบผลงานของสุนทรภู่  เฉพาะเกี่ยวกับนิราศก็สามารถระบุเงื่อนไขที่เกี่ยวกับชื่อผู้แต่ง  คือ  สุนทรภู่  และระบุหัวข้อเรื่อง  คือ  นิราศ  ระบบสามารถประมวลผลงานของสุนทรภู่เฉพาะเรื่องที่เป็นนิราศเท่านั้น
          3.  ฐานข้อมูลออนไลน์  ฐานข้อมูล  คือ  แหล่งจัดเก็บข้อมูลหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง  หรือหมายหัวข้อที่รวบรวมมาจากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่ง  จำนวนข้อมูลในฐานข้อมูลมักมีมากมายนับหมื่น แสน หรือล้านรายการ
          ออนไลน์ (online)  เป็นคำทับศัพท์  หมายถึง  การเชื่อมโยงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
          การสืบค้นข้อมูลจากฐานข้อมูลออนไลน์ให้ได้ตรงตามความต้องการ  อาจใช้เทคนิคง่าย ๆ เข้าช่วย  ดังนี้
                    1.  ทำความเข้าใจความหมายของคำเชื่อมที่สำคัญ 3 คำ  คือ
                              "และ"                    ใช้เพื่อจำกัดขอบเขตของข้อมูลให้แคบลง
                              ตัวอย่าง  ระบุว่า  "ว.วินิจฉัยกุล"  และ  "เรื่องสั้น"  ข้อมูลที่ได้จะเน้นข้อมูลของ ว.วินิจฉัยกุล  เฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องสั้นเท่านั้น  จะไม่ปรากฎเรื่องราวด้านอื่น ๆ เลย
                              "หรือ"                    ใช้เพื่อเพิ่มขอบเขตของข้อมูลให้กว้างขึ้น
                              ตัวอย่าง  ระบุว่า  "ว.วินิจฉัยกุล"  หรือ  "ทมยันตี"  ข้อมูลที่ได้จะเน้นข้อมูลที่เกี่ยวกับ  ว.วินิจฉัยกุล  และทมยันตี  ทั้งหมดที่มีอยู่ในฐานข้อมูลนั้น
                              "ไม่"                       ใช้เพื่อลดขอบเขตของข้อมูล
                              ตัวอย่าง  ระบุว่า  "ว.วินิจฉัยกุล"  ไม่  "ประวัติ"  ข้อมูลที่ได้จะเน้นเรื่องราวของ  ว.วินิจฉัยกุลทุกด้าน  จะไม่มีเรื่องเกี่ยวกับประวัติชีวิตของ ว.วินิจฉัยกุล  เลย
                    2.  ใช้สัญลักษณ์  หากไม่ทราบวิธีสะกดคำที่ถูกต้อง
                              เครื่องหมายคำถาม ?                    ใช้แทนอักษร 1 ตัว
                              เครื่องหมายดอกจัน*                    ใช้แทนอักษรหลายตัว
                              ตัวอย่าง  ต้องการค้นเรื่องวิญญาณ  แต่ไม่แน่ใจหรือไม่ทราบว่าตัวสะกดเป็น ณ หรือ น ให้พิมพ์ "วิญญา?"
                              ต้องการค้นเรื่อง  ปัญจวัคคีย์  แต่ไม่แน่ใจตัวการันต์ให้พิมพ์  ปัญจวัคคี*
                    3.  ฐานข้อมูลอีริก (ERIC database)  ซึ่งเป็นฐานข้อมูลด้านการศึกษาให้ใช้คำว่า  NEAR  สำหรับการค้นที่รวมคำที่ใกล้เคียงกับคำที่ต้องการด้วย

ที่มาแะได้รับอนุญาตจาก :
บุญลักษณ์  เอี่ยมสำอางค์  เกื้อกมล  พฤกษประมูล และโสภิต  พิทักษ์. ภาษาไทย  หลักการใช้ภาษาและการใช้ภาษา ม.4. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.
ที่มา = http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content_id=3058

ความสำคัญของอินเตอร์เน็ต

ความสำคัญของอินเทอร์เน็ต
          ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตมีบทบาทและมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเราเป็นอย่างมาก  เพราะทำให้วิถีชีวิตเราทันสมัยและทันเหตุการณ์อยู่เสมอ  เนื่องจากอินเทอร์เน็ตจะมีการเสนอข้อมูลข่าวปัจจุบัน  และสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ผู้ใช้ทราบเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน  สารสนเทศที่เสนอในอินเทอร์เน็ตจะมีมากมายหลายรูปแบบเพื่อสนองความสนใจและความต้องการของผู้ใช้ทุกกลุ่ม  อินเทอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งสารสนเทศสำคัญสำหรับทุกคนเพราะสามารถค้นหาสิ่งที่ตนสนใจได้ในทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปค้นคว้าในห้องสมุด  หรือแม้แต่การรับรู้ข่าวสารทั่วโลกก็สามารถอ่านได้ในอินเทอร์เน็ตจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ของหนังสือพิมพ์
          ดังนั้นอินเทอร์เน็ตจึงมีความสำคัญกับวิถีชีวิตของคนเราในปัจจุบันเป็นอย่างมากในทุก ๆ ด้าน  ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่อยู่ในวงการธุรกิจ  การศึกษา  ต่างก็ได้รับประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตด้วยกันทั้งนั้น
          1.  ด้านการศึกษา  อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญ  ดังนี้
                    1.  สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล  ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ  ข้อมูลด้านการบันเทิง  ด้านการแพทย์  และอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
                    2.  ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  จะทำหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
                    3.  นักเรียนนักศึกษาสามารถใช้อินเทอร์เน็ตติดต่อกับมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้  ทั้งที่ข้อมูลที่เป็นข้อความเสียง  ภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ
          2.  ด้านธุรกิจและการพาณิชย์  อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญดังนี้
                    1.  ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
                    2.  สามารถซื้อขายสินค้า  ทำธุรกรรมผ่านระบบเครือข่าย
                    3.  เป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์  โฆษณาสินค้า  ติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ
                    4.  ผู้ใช้ที่เป็นบริษัท    หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ  และสนับสนุนลูกค้าของตนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้  เช่น  การให้คำแนะนำ  สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า  แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware)  โปรแกรมแจกฟรี (Freeware)
          3.  ด้านการบันเทิง  อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญดังนี้
                    1.  การพักผ่อนหย่อนใจ  สันทนาการ  เช่น  การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  ที่เรียกว่า  Magazine Online  รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่น ๆ โดยมีภาพประกอบที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสารตามร้านหนังสือทั่ว ๆ ไป
                    2.  สามารถฟังวิทยุหรือดูรายการโทรทัศน์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
                    3.  สามารถดึงข้อมูล  (Download)  ภาพยนตร์มาดูได้
                                               
ที่มาและได้รับอนุญาตจาก :
บุญลักษณ์  เอี่ยมสำอางค์  เกื้อกมล  พฤกษประมูล และโสภิต  พิทักษ์. ภาษาไทย  หลักการใช้ภาษาและการใช้ภาษา ม.4. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.
ที่มา=http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content_id=3056

การบริการอิเตอร์เน็ต

บริการ ของ อินเตอร์เน็ต ได้แก่
1. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเมล เป็นการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยผู้ส่งจะต้องส่งข้อความไปยังที่อยู่ของผู้รับ และแนบไฟล์ไปได้
2. เทลเน็ต (Telnet) การใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ไกล ๆ ได้ด้วยตนเอง เช่น สามารถเรียกข้อมูลจากโรงเรียนมาทำที่บ้านได้
3. การโอนถ่ายข้อมูล (FTP) ค้นหาและเรียกข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มาเก็บไว้ในเครื่องของเราได้ ทั้งข้อมูลประเภทตัวหนังสือ รูปภาพและเสียง
4. การสืบค้นข้อมูล (เวิลด์ไวด์เว็บ, Gopher, Archie) การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการค้นหาข่าวสารที่มีอยู่มากมาย ใช้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ทั่วโลกได้
5. การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็น (ยูสเน็ต) เป็นการบริการแลกเปลี่ยนข่าวสารและแสดงความคิดเห็นที่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก แสดงความคิดเห็นของตน โดยกลุ่มข่าวหรือนิวกรุ๊ป(Newgroup)แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
6. การสื่อสารด้วยข้อความ (แชท, ไออาร์ซี) เป็นการพูดคุย โดยพิมพ์ข้อความตอบกัน ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารที่ได้รับความนิยมมากอีกวิธีหนึ่ง การสนทนากันผ่านอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนเรานั่งอยู่ในห้องสนทนาเดียวกัน แม้จะอยู่คนละประเทศหรือคนละซีกโลกก็ตาม
7. การซื้อขายสินค้าและบริการ (พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์) เป็นการซื้อ - สินค้าและบริการ ผ่านอินเทอร์เน็ต
8. การให้ความบันเทิง บนอินเทอร์เน็ตมีบริการด้านความบันเทิงหลายรูปแบบต่าง ๆ เช่น รายการโทรทัศน์ เกม เพลง รายการวิทยุ เป็นต้น เราสามารถเลือกใช้บริการเพื่อความบันเทิงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ที่มา = http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=45d4a2d78becf4c6&pli=1

อินเตอร์เน็ต คือ

อินเตอร์เน็ตเป็นคำย่อของคำว่า interconnected networks อินเตอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดทั่วโลก ประกอบไปด้วยเครือข่ายระหว่างประเทศ เครือข่ายภายในประเทศ และเครือข่ายส่วนภูมิภาค เครือข่ายทั้งหมดของอินเตอร์เน็ต สามารถเข้าถึงได้โดย URL การบริการที่เป็นที่รู้จักของอินเตอร์เน็ต ได้แก่ e-mail , chat , แฟ้มเก็บเอกสารสาธารณะ (FTP) และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง WWW อินเตอร์เน็ตนั้นเชื่อมต่อกับ Usenet ซึ่งใช้ประโยชน์ในกลุ่มของผู้สนทนา คุณจำเป็นต้องใช้ซอฟแวร์ชนิดพิเศษในการใช้บริการอินเตอร์เน็ต เนื่องจากบางโปรแกรมของซอฟแวร์เหล่านั้นใช้ได้โดยไม่เสียค่าใช้บริการ และไม่มีใครเป็นเจ้าของอินเตอร์เน็ต แต่สายข้อมูล (data line) ต่างๆ ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันนั้น มีองค์การโทรศัพท์ทั้งของเอกชน และของรัฐบาลเป็นเจ้าของ คุณสามารถค้นหาข้อมูลได้ทุกๆหัวข้อในอินเตอร์เน็ต และเนื้อหาของอินเตอร์เน็ตไม่ถูกแบ่งออกเป็นแต่ละประเภท
ที่มา = http://www.samui-finder.com/th/help/internet-basics/internet/
อินเทอร์เน็ต (Internet) คืออะไร
อินเทอร์เน็ต (Internet) คือ เครือข่ายนานาชาติ ที่เกิดจากเครือข่ายเล็ก ๆ มากมาย รวมเป็นเครือข่าย เดียวกันทั้งโลก หรือทั้งจักรวาล
อินเทอร์เน็ต (Internet) คือ เครือข่ายสื่อสาร ซึ่งเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่ต้องการเข้ามา ในเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต (Internet) คือ การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต (Internet) คือ เครือข่ายของเครือข่าย (A network of network)
สำหรับคำว่า Internet หากแยกศัพท์จะได้ออกมา 2 คำ คือ คำว่า Inter และคำว่า net ซึ่ง Inter หมายถึงระหว่าง หรือท่ามกลาง และคำว่า Net มาจากคำว่า Network หรือเครือข่าย เมื่อนำความหมาย ของทั้ง 2 คำมารวมกัน จึงแปลได้ว่า การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย
ที่มา = http://samui-finder.com/th/help/internet-basics/internet/

ประโยชน์และโทษของอินเตอร์เน็ต

ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต

อินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนชุมชนเมืองแห่งใหม่ของโลก เป็นชุมชนของคนทั่วมุมโลก จึงมีบริการต่างๆเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา
    1.ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์(Electronic mail=E-mail) ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-mail
เป็นการส่งจดหมายผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตโดยผู้ส่งสสามารถส่งข้อความไปยังที่อยู่ของผู้รับ ในรูปแบบของอีเมล์ เมื่อผู้ส่งเขียนจดหมาย แล้วส่งไปยังผู้รับ ผู้รับจะได้รับจดหมายภายในเวลาไม่กี่วินาที แม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลกก็ตาม นอกจากนี้ยังสามารถส่งแฟ้มข้อมูลหรือไฟล์แนบไปกับอีเมล์ได้ด้วย
   
2.การขอเข้าระบบจากระยะไกลหรือเทลเน็ต(Telnet)
เป็นบริการอินเน็ตรูปแบบหนึ่งโดยที่เราสามารถเข้าไปใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ไกลๆได้ด้วยตนเอง เช่น ถ้าเราอยู่ที่โรงเรียนทำงานโดยใช้อินเตอร์เน็ตของโรงเรียนแล้วกลับไปที่บ้าน เรามีคอมพิวเตอร์ที่บ้านและต่ออินเตอร์เน็ตไว้เราสามารถเรียกข้อมูลจากที่โรงเรียนมาทำที่บ้านได้ เสมือนกับเราทำงานที่โรงเรียนนั่นเอง
   
3.การโอนถ่ายข้อมูล(File Transfer Protocol หรือ FTP) เป็นบริการอีกรูปแบบหนึ่งของระบบอินเตอร์เน็ต เราสามารถค้นหาและเรียกข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาเก็บไว้ในเครื่องของเราได้ ทั้งข้อมูลประเภทตัวหนังสือ รูปภาพและเสียง
   
4.การสืบค้นข้อมูล(Gopher,Archie,World wide Web) หมายถึง การใช้เครื่อข่ายอินเตอร์เน็ตในการค้นหาข่าวสารที่มีอยู่มากมายแล้วช่วยจัดเรียงข้อมูลข่าวสารหัวข้ออย่างมีระบบ เป็นเมนู ทำให้เราหาข็อมูลได้ง่ายหรือสะดวกมากขึ้น
   
5.การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็น(Usenet) เป็นการให้บริการแลกเปลี่ยนข่าวสารและแสดงความคิดเห็นที่ผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตทั่วโลกสามารถพบปะกัน แสดงความคิดเห็นของตน โดยมีการจัดการผู้ใช้เป็นกลุ่มข่าวหรือนิวกรุ๊ป(Newgroup)แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเป็นหัวข้อต่างๆ เช่น เรื่องหนังสือ เรื่องการเลี้ยงสัตว์ ต้นไม้ คอมพิวเตอร์และการเมือง เป็นต้น ปัจจุบันมี Usenet มากกว่า15,000 กลุ่ม นับเป็นเวทีขนาดใหญ่ให้ทุกคนจากทั่วมุมโลกแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง
   
6.การสื่อสารด้วยข้อความ(Chat,IRC-Internet Relay chat) เป็นการพูดคุยกันระหว่างผู้ใช้อินเตอร์เน็ต โดยพิมพ์ข้อความตอบกัน ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารที่ไดัรับความนิยมมากอีกวิธีหนึ่ง การสนทนากันผ่านอินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนเรานั่งอยู่ในห้องสนทนาเดียวกัน แต่ละคนก็พิมพ์ข้อความโต้ตอบกันไปมาได้ในเวลาเดียวกัน แม้จะอยู่คนละประเทศหรือคนละซีกโลกก็ตาม
   
7.การซื้อขายสินค้าและบริการ(E-Commerce = Eletronic Commerce) เป็นการจับจ่ายซื้อ - สินค้าและบริการ เช่น ขายหนังสือ คอมพิวเตอร์ การท่องเที่ยว เป็นต้น ปัจจุบันมีบริษัทใช้อินเตอร์เน็ตในการทำธุรกิจและให้บริการลูกค้าตลอด24ชั่วโมง ในปี2540 การค้าขายบนอินเตอร์เน็ตมีมูลค่าสูงถึง1แสนล้านบาท และจะเพิ่มเป็น1ล้านล้านบาทในอีก5ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจแบบใหม่ที่น่าสนใจและเปิดทางให้ทุกคนเข้ามาทำธุรกิจได้โดยใช้ทุรไม่มากนัก
   
8.การให้ความบันเทิง(Entertain) ในอินเตอร์เน็ตมีบริการด้านความบันเทิงในทุกรูปแบบต่างๆ เช่น เกมส์ เพลง รายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ เป็นต้น เราสามารถเลือกใช้บริการเพื่อความบันเทิงได้ตลอด24ชั่วโมงและจากแหล่งต่างๆทั่วทุกมุมโลก ทั้งประเทศไทย อเมริกา ยุโรปและออสเตรเลีย เป็นต้น
โทษของอินเตอร์เน็ต
1.โรคติดอินเทอเน็ต(Webaholic)
อินเตอร์เน็ตก็เป็นสิ่งเสพติดหรือ?
การเล่นอินเตอร์เน็ต ทำให้คุณเสียงาน ผู้ใดเป็นผู้ที่ติดการพนัน การติดการพนันประเภทที่ถอนตัวไม่ขึ้น มีลักษณะคล้ายคลึงกับ การติดอินเตอร์เน็ต เพราะทั้งสองอย่าง เกี่ยวข้องกับการล้มเหลว ในการควบคุมความต้องการของตนเอง โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสารเคมีใดๆ (อย่างสุรา หรือยาเสพติด) ผู้ที่มีอาการอย่างน้อย 4 อย่าง เป็นเวลานานอย่างน้อย 1 ปีถือได้ว่า มีอาการติดอินเตอร์เน็ต
  รู้สึกหมกมุ่นกับอินเตอร์เน็ต แม้ในเวลาที่ไม่ได้ต่อกับอินเตอร์เน็ต
  มีความต้องการใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเวลานานขึ้น
  ไม่สามารถควบคุมการใช้อินเตอร์เน็ตได้
  รู้สึกหงุดหงิดเมื่อต้องใช้อินเตอร์เน็ตน้อยลงหรือหยุดใช้
  ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นวิธีในการหลีกเลี่ยงปัญหาหรือคิดว่าการใช้อินเตอร์เน็ตทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น
  หลอกคนในครอบครัวหรือเพื่อน เรื่องการใช้อินเตอร์เน็ตของตัวเอง
  การใช้อินเตอร์เน็ตทำให้เกิดการเสี่ยงต่อการสูญเสียงาน การเรียน และความสัมพันธ์ ยังใช้อินเตอร์เน็ตถึงแม้ว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก
  มีอาการผิดปกติ อย่างเช่น หดหู่ กระวนกระวายเมื่อเลิกใช้อินเตอร์เน็ต
  ใช้เวลาในการใช้อินเตอร์เน็ตนานกว่าที่ตัวเองได้ตั้งใจไว้

มีผล กระทบต่อการเรียน อาชีพ สภาพทางสังคมและเศรษฐกิจของคนคนนั้น ถึงแม้ว่าการวิจัยที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า การติดเทคโนโลยีอย่างเช่น การติดเล่นเกมส์ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับเพศชายแต่ผลลัพธ์ข้างต้น แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ติดอินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง วัยกลางคนและไม่มีงานทำ

2.เรื่องอณาจารผิดศีลธรรม(Pornography/Indecent Content) เรื่องของข้อมูลต่างๆที่มีเนื้อหาไปในทางขัดต่อศีลธรรม ลามกอนาจาร หรือรวมถึงภาพโป๊เปลือยต่างๆนั้นเป็น เรื่องที่มีมานานพอสมควรแล้วบนโลกอินเทอเน็ต แต่ไม่โจ่งแจ้งเนื่องจากสมัยก่อนเป็นยุคที่ WWW ยังไม่พัฒนา มากนักทำให้ไม่มีภาพออกมา แต่ในปัจจุบันภายเหล่านี้เป็นที่โจ่งแจ้งบนอินเทอเน็ตและสิ่งเหล่านี้สามารถเข้าสู่เด็ก และเยาวชนได้ง่ายโดยผู้ปกครองไม่สามารถที่จะให้ความดูแลได้เต็มที่ เพราะว่าอินเทอเน็ตนั้นเป็นโลกที่ไร้พรมแดนและเปิดกว้างทำให้สื่อเหล่านี้สามรถเผยแพร่ไปได้รวดเร็วจนเรา ไม่สามารถจับกุมหรือเอาผิดผู้ที่ทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้
3.ไวรัส ม้าโทรจัน หนอนอินเตอร์เน็ต และระเบิดเวลา ไวรัส : เป็นโปรแกรมอิสระ ซึ่งจะสืบพันธุ์โดยการจำลองตัวเองให้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะทำลายข้อมูล หรืออาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงโดยการแอบใช้สอยหน่วยความจำหรือพื้นที่ว่างบนดิสก์โดยพลการ
ม้าโทรจัน : ม้าโทรจันเป็นตำนานนักรบที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้ แล้วแอบเข้าไปในเมืองจนกระทั่งยึดเมืองได้สำเร็จ โปรแกรมนี้ก็ทำงานคล้ายๆกัน คือโปรแกรมนี้จะทำหน้าที่ไม่พึงประสงค์ มันจะซ่อนตัวอยู่ในโปรแกรมที่ไม่ได้รับอนุญาต มันมักจะทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการ และสิ่งที่มันทำนั้น ไม่มีความจำเป็นต่อเราด้วย
หนอนอินเตอร์เน็ต : ถูกสร้างขึ้นโดย Robert Morris, Jr. จนดังกระฉ่อนไปทั่วโลก มันคือโปรแกรมที่จะสืบพันธุ์โดยการจำลองตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ จากระบบหนึ่ง ครอบครองทรัพยากรและทำให้ระบบช้าลง
ระเบิดเวลา : คือรหัสซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นรูปแบบเฉพาะของการโจมตีนั้นๆ ทำงานเมื่อสภาพการโจมตีนั้นๆมาถึง ยกตัวอย่างเช่น ระเบิดเวลาจะทำลายไฟล์ทั้งหมดในวันที่ 31 กรกฎาคม 2542

ที่มา= http://www.ladyinter.com/forum_posts.asp?TID=4691

เด็กรุ่นใหม่ รู้ทันสื่อออนไลน์ ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างถูกวิธี

สื่ออินเทอร์เน็ตในปัจจุบันเป็นที่นิยมกันมากโดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่นที่ชื่นชอบกับการใช้สื่อเครือข่ายทางสังคม และสื่อเพื่อความบันเทิง เช่น Hi5, Facebook, Twitter, และ เกมออนไลน์ต่างๆ ซึ่งแม้ว่าจะได้ความสนุกสนาน ไม่ขาดการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนๆ แถมยังได้สาระความรู้แทรกเข้ามาด้วย แต่ก็ต้องไม่ลืมว่ามีภัยแฝงที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่ใช้ที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยเวลาใช้สื่อออนไลน์
      
       จากบทสัมภาษณ์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชภัฏ (มรท.) ธัญบุรี ได้ให้มุมมองหลากหลายต่อการใช้สื่อออนไลน์ทั้งในทางสร้างสรรค์และปลอดภัย โดยในทางสร้างสรรค์ได้แก่ การรู้จักศึกษาหาความรู้ในเรื่องที่สนใจผ่านเว็บบอร์ด ในเรื่องของเกมออนไลน์ หากผู้เล่นมีความสนใจในเรื่องกราฟิกสวยๆ การทำ Animation การสร้างตัวละคร สร้างเกมต่างๆ ก็สามารถนำความรู้ตรงนี้ไปปรับใช้และศึกษาเพิ่มเติมได้ ในส่วนของการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเป็นช่องทางในการหารายได้ ก็สามารถทำได้เช่นกัน เช่น การขายสินค้าออนไลน์
      
       ในด้านของภัยแฝง น้องๆ ให้ความเห็นว่า หากเป็นคนที่เล่นเกมแล้วติดเกมมากเกินไป ก็ทำให้เสียการเรียนได้ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือ “เล่นได้แต่อย่าทิ้งการเรียน” และทั้งเกมออนไลน์หรือโซเชียลเน็ตเวิร์กก็สามารถทำให้เราได้พูดคุยกับคนแปลกหน้า รู้จักเพื่อนใหม่ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การนัดพบกัน ซึ่งเราก็ควรจะศึกษาประวัติของคนที่นัดเจอด้วย และไม่ควรไปนัดพบเพื่อนแปลกหน้าคนเดียว หรือแม้แต่การรับข้อมูลผ่านทางสื่อต่างๆ ก็ควรใช้วิจารณญาณ ไม่เชื่อฟังทุกข่าว หรือทุกเรื่องที่มีคนเขียนโดยไม่ศึกษาก่อนว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร เพราะหากอ่านแล้วเชื่อเลย แล้วเผยแพร่ข้อมูลที่แท้จริงแล้วเป็นเท็จต่อๆ ไป เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง เราก็ถือว่ามีความผิดด้วยเช่นกัน
ดังนั้น สื่ออินเทอร์เน็ต ถือว่ามีทั้งคุณและโทษ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกใช้อย่างไร หากเล่นหรือใช้งานเพื่อศึกษาหาความรู้ เราก็ได้ความรู้ได้สาระ แต่หากเล่นเพื่อความบันเทิงเพียงอย่างเดียวก็จะได้แค่ความบันเทิงสนุกสนานเพลิดเพลิน แต่หากเล่นด้วยความไม่ระวังระวังแล้ว ภัยก็อาจมาถึงตัวได้ง่ายโดยไม่รู้ตัว

       ไทยฮอตไลน์ รณรงค์การใช้สื่ออินเทอร์เน็ตและสื่อไอซีทีอย่างเหมาะสมและปลอดภัย และให้ข้อมูลความรู้อันเป็นประโยชน์ต่อทุกเพศทุกวัยเพื่อให้มีทักษะในการปกป้องตนเองจากภัยบนสื่ออินเทอร์เน็ต ติดตามข่าวสารและความรู้เรื่องภัยออนไลน์ หรือคลิกแจ้งเว็บไซต์ไม่เหมาะสมได้ที่ www.thaihotline.org

ที่มา = http://report.thaihotline.org/enews.php?act=sh&l=&Id=NDU=

ปัญหาความปลอดภัยในการใช้อินเตอร์เน็ต

ในช่วงระยะเวลาเดือน-สองเดือนที่ผ่านมา ข่าวคราวจากหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนได้ลงเรื่องราวเกี่ยวกับการโจรกรรม และปัญหา ที่เกิดจากแฮกเกอร์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
 
ปัญหาที่เกิดจากการบุกรุกและการโจรกรรมมีแนวโน้มที่จะมีมากขึ้น และมีความรุนแรงยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพราะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงถึงกัน มีผู้ใช้เป็นจำนวนมาก ซึ่งแน่นอนที่มีทั้งคนดีและคนร้ายที่แอบปะปนมา ประจวบกับกิจการทางด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กำลังได้รับ ความนิยม และมีผู้ใช้บริการซื้อของผ่านอินเทอร์เน็ตกันมาก มีการโอนรายการ หรือการส่งผ่านรหัสบัตรเครดิต เพื่อการซื้อขายสินค้าและบริการต่าง ๆ อีกทั้งข้อมูลหลายอย่างในอินเทอร์เน็ต และข้อมูลดำเนินการภายในองค์กร มีความสำคัญเป็นที่หมายปองของผู้บุกรุก เพื่อดำเนินการบางอย่างที่ผูกพันกับผลประโยชน์ต่าง ๆ
 
แฮกเกอร์คือ บุคคลที่อยู่ในมุมมืด แอบแฝงเจาะด่านป้องกันต่าง ๆ ของระบบเครือข่ายและเซิร์ฟเวอร์ เพื่อเป้าประสงค์ต่าง ๆ กัน ตั้งแต่เข้าทำลายระบบและข้อมูลข่าวสาร เปลี่ยนแปลงแก้ไข ลักลอบคัดลอกข้อมูล ล้วงความลับ รวมถึงสร้างความปั่นป่วนให้กับวงการผู้ใช้ได้มาก
 
การดำเนินงานของแฮกเกอร์ มีเทคนิควิธีการที่เผยแพร่กันในกลุ่มแฮกเกอร์อยู่มาก ตั้งแต่การเจาะผ่านพอร์ตที่เปิดบริการ การยิงข้อมูล จำนวนมากผ่านพอร์ตบริการให้เกิดโอเวอร์โฟล์ว เพื่อเครื่องจะได้ทำงานผิดปกติ การฝ่าด่านเจาะรูโหว่ของระบบ เพื่อควบคุมระบบ และสามารถเข้าสู่การเป็นซูเปอร์ยูสเซอร์ของระบบ การดำเนินการยังนำเอารหัสผ่าน ซึ่งเป็นรหัสที่ผ่านการเข้ารหัสแล้วไปถอดด้วยโปรแกรมหรือเครื่องมือการถอดรหัส เพื่อให้ได้อักขระรหัสผ่านของผู้ใช้
 
สิ่งที่สำคัญคือ บนเครือข่ายมีข้อมูลไหลผ่านจำนวนมาก แฮกเกอร์สามารถวางโปรแกรมประเภท network monitor ที่คอยเก็บข้อมูลที่ผ่าน ไปมาบนเครือข่าย มาวิเคราะห์หารหัสผ่าน หายูสเซอร์เพื่อจะตามเข้าระบบทีหลัง โปรแกรมที่แฮกเกอร์วางไว้มีมากมายและแพร่หลาย การ ดักฟังข้อมูลวิธีนี้เป็นวิธีที่แฮกเกอร์ชอบดำเนินการ โดยเฉพาะการดักที่เกตเวย์สำคัญ การดักในเครือข่ายอีเทอร์เน็ตที่ข้อมูลมีลักษณะกระจาย (boardcast) จะได้ข้อมูลจำนวนมากมาทำการวิเคราะห์หารูรั่ว และตามเข้าระบบได้ภายหลัง
 
การวางโปรแกรมเจาะระบบอีกอย่างหนึ่งคือ ใส่ฝังมากับโปรแกรมแจกฟรีต่าง ๆ เมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลดโปรแกรมมา หรือรันโปรแกรมที่ได้มาจากอีเมล์ และเรียกรันโปรแกรม โปรแกรมประเภท network monitor หรือไวรัส หรือโทรจันฮอส จะออกมาฝังตัวแอบซ่อนอยู่ใน เครื่องไคลแอนด์ของผู้ใช้เฝ้าดูเครือข่าย วิเคราะห์และส่งข้อมูลกลับให้ผู้วางโปรแกรมนั้น
 
วิธีการที่แฮกเกอร์ใช้มีมากมาย เพราะทุกเส้นทางที่เปิดบริการ ทุกพอร์ตที่มีให้เข้าใช้บริการ เป็นจุดทางเข้าของแฮกเกอร์ได้ทั้งนั้น ดังนั้นพอร์ตหรือเส้นทางเข้าที่ไม่จำเป็น จึงไม่ควรเปิดไว้ แต่อย่างไรก็ตามบนอินเทอร์เน็ตต้องมีบริการต่าง ๆ เช่น การบริการเมล์ การบริการ FTP การบริการ telnet การบริการ Web ทุกการบริการจึงต้องมีระบบดูแลความปลอดภัย
 
ปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่เกิดบนเครือข่ายคือ เมล์ขยะ หรือ spam mail เมล์ระราน เมล์โฆษณาขายสินค้า เมล์บอมบ์ ตลอดจนเมล์ที่เป็น จดหมายลูกโซ่ ปัญหาเหล่านี้นับวันจะรุนแรง เพราะเมล์บอมบ์ ทำให้ระบบเซิร์ฟเวอร์หยุดทำงานได้ หรือหากมีใครที่เป็นสมาชิกส่งเมล์ ถึงทุกคนในเซิร์ฟเวอร์ ปริมาณเมล์จะมากมายมหาศาลจนระบบอาจไม่ตอบสนองหรือหยุดการทำงานได้
 
สิ่งที่เป็นปัญหาเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่เว็บไซส์หลายแห่งได้รับคือ การโจมตีจากการเรียกใช้พร้อม ๆ กัน จนทำให้เซิร์ฟเวอร์ให้บริการไม่ได้ และหยุดการทำงาน การโจมตีลักษณะนี้จะเกิดขึ้นจากแฮกเกอร์เข้าบุกทำลายเครื่องบนเครือข่ายจำนวนมาก และแอบวางโปรแกรมไว้ ภายในเครื่อง พร้อมตั้งเวลาเพื่อส่งคำขอใช้ระบบไปที่เป้าหมายพร้อมกันจำนวนมาก ๆ จนทำให้เซิร์ฟเวอร์โอเวอร์โหลด
 
ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาร่วมกันของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ดังนั้นผู้ใช้ทุกคนต้องร่วมมือกัน ข้อแนะนำเบื้องต้นในการใช้คอมพิวเตอร์ และเครือข่ายอย่างปลอดภัยมีดังนี้
 
- ผู้ใช้พึงระลึกและเข้าใจว่า นโยบายการรักษาความปลอดภัยขององค์กรเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นจึงควรให้ความร่วมมือกับองค์กร และปฏิบัติตามข้อแนะนำอย่างเคร่งครัด
- ควรเปลี่ยนรหัสผ่านทุกเดือน
- ไม่ควรให้ข้อมูลใด ๆ กับผู้ที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัย สำหรับนิสิตผู้ใช้ ไม่ควรให้ข้อมูล ชื่อ ที่อยู่ของผู้ปกครอง หมายเลขโทรศัพท์กับบุคคลที่ไม่เคยรู้จักตัว
- ไม่ควรแชร์ Account ให้ใช้งานหลายคน
- รหัสผ่านควรต้องมีความยาวเกินกว่า 8 ตัว และจะต้องเป็นคำที่ไม่มีในพจนานุกรม ควรมีอักษรพิเศษร่วมอยู่ด้วย
- ไม่ควรดาวน์โหลดโปรแกรมจากแหล่งข้อมูลที่ไม่รู้จัก หรือถ้าได้รับโปรแกรมที่ส่งมาให้ทดลองจากคนไม่รู้จัก ไม่ควรที่จะเรียก รันบนเครื่องคอมพิวเตอร์
- หากมีนโยบายการใช้ proxy ควรใช้ proxy เพราะ proxy มีส่วนช่วยในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยได้ทางหนึ่ง
- ในการ login ทุกครั้ง ให้ตรวจดูว่า ครั้งก่อนที่ login เป็นตัวเราเองหรือไม่ ถ้าพบผู้บุกรุกให้แจ้ง admin และผู้ดูแลระบบ ทราบทันที
- ไม่เปิดเครื่องที่ login ค้างไว้ โดยที่ตัวเองไม่อยู่ที่โต๊ะทำงาน
- ติดตั้งรหัสผ่านที่ BIOS และที่ระบบปฏิบัติการ
- หลีกเลี่ยงการใช้ ICQ หรือถ้าจะใช้ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง และเข้าใจ
- ควรมีการสแกนไวรัสอย่างสม่ำเสมอ
- ทำสำเนาข้อมูลไว้อย่างสม่ำเสมอ
- ไม่ควรเก็บเมล์หรือเอกสารสำคัญไว้ในเมล์บ็อกในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ควรเก็บไว้ในเครื่องไคลแอนต์ของตนและดูแลเฉพาะ
 
สิ่งที่สำคัญคือ เราต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจกับระบบ และติดตามความเคลื่อนไหว โดยเฉพาะจะต้องปฏิบัติตนตามกรอบแห่งศีลธรรม จริยธรรมอย่างเคร่งครัด
 
ที่มา = http://www.ku.ac.th/magazine_online/hacker.html