สังคมปัจจุบันนี้มีภัยต่าง ๆ ที่แฝงตัวอยู่ทุกส่วนของสังคม ไม่ว่าจะเป็นภัยจากการถูกแอบถ่ายรูป หรือภัยจากการลักลอบโอนเงินจากธนาคาร นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
ภัยที่มากับอินเทอร์เน็ตหรือกับไซเบอร์ ขณะที่ชุมชนใหม่บนโลกไซเบอร์กำลังก่อเกิดขึ้น การติดต่อสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับว่า สะดวก รวดเร็ว และตอบสนองความต้องการในทุกด้าน โลกที่เปิดกว้างนี้ได้สร้างความสัมพันธ์ให้กับผู้คนในหลากหลายรูปแบบ แต่ขณะเดียวกันสังคมไซเบอร์ก็นำพาปัญหามาให้กับผู้ใช้โดยเฉพาะเยาวชนที่อาจเผลอไผลใช้เทคโนโลยีโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จนเกิดเป็นภัยร้ายลุกลามได้ หากเอ่ยถึงภัยร้ายทางอินเทอร์เน็ตเรียกว่า มีหลากหลายรูปแบบให้ต้องระแวดระวัง เพราะโลกไซเบอร์มีเครือข่ายเชื่อมโยงทั่วทุกมุมโลก ภัยที่แฝงอยู่จึงมาได้หลายทาง หากแบ่งแยกแล้วอาจได้ประมาณ 3 กลุ่ม คือ
1. ภัยจากคนแปลกหน้า หรือบุคคลเสมือน บางทีเด็กหญิงที่เราเจอในแชทรูมที่จริงอาจเป็นชายวัยกลางกคนที่เข้ามาพูดคุยสร้างภาพเพื่อหลอกให้เราตายใจ หวังล่อลวงนัดพบ และเมื่อออกไปเจอเขาก็อาจถูกล่วงเกิน
หรือทำร้าย มิจฉาชีพกลุ่มหนึ่งทำเว็บไซต์ปลอมหลอกให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ เลขรหัสบัตรเครดิต แล้วนำไปใช้แอบอ้างเป็นตัวเรา
2. ภัยจากเนื้อหาต้องห้าม อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งรวมเนื้อหา ข้อมูล ข้อมูล รูปภาพ ความคิดเห็นนานาจากผู้คนทั่วโลก จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีทั้งข้อมูลที่สร้างสรรค์เป็นประโยชน์และข้อมูลที่เป็นอันตราย เช่น
มีการเผยแพร่สิ่งพิมพ์รูปภาพ หรือ โฆษณาวัตถุลามากอานาจาร ผิดกฎหมาย หมิ่นประมาท ยุยง ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม เนื้อหารุนแรงเกลียดชัง บ่อนทำลาย ผิดศีลธรรม เนื้อหาทางเพศโจ่งแจ้ง
3. ภัยจากการใช้งานไม่เหมาะสมอื่นๆ ไวรัสคอมพิวเตอร์แพร่ระบาดได้ง่ายผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้ที่ขาดความรู้และความระมัดระวัง มันจะกระจายตัวอย่างรวดเร็วและสร้างความเสียหายได้คราวละมาก ๆ
นอกจากนี้ยังมีผู้ไม่ประสงค์ดีทำการบุกรุกเครือข่ายเพื่อขโมยข้อมูล แก้ไขข้อมูลเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ทำการโจมตีให้ระบบล่ม ภัยจากโลกไซเบอร์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งได้แก่ การที่เด็กและเยาวชนใช้เวลามากเกินไปบนโลกออนไลน์
ทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ละเลยต่อการเรียนหรือกิจกรรมกลางแจ้งในโลกปกติ ทำให้เสียสุขภาพและขาดทักษะการเรียนรู้ทางสังคม
ภัยที่มากับอินเทอร์เน็ตภัยที่มากับอินเทอร์เน็ตหรือกับไซเบอร์ ขณะที่ชุมชนใหม่บนโลกไซเบอร์กำลังก่อเกิดขึ้น การติดต่อสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับว่า สะดวก รวดเร็ว และตอบสนองความต้องการในทุกด้าน โลกที่เปิดกว้างนี้ได้สร้างความสัมพันธ์ให้กับผู้คนในหลากหลายรูปแบบ แต่ขณะเดียวกันสังคมไซเบอร์ก็นำพาปัญหามาให้กับผู้ใช้โดยเฉพาะเยาวชนที่อาจเผลอไผลใช้เทคโนโลยีโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จนเกิดเป็นภัยร้ายลุกลามได้ หากเอ่ยถึงภัยร้ายทางอินเทอร์เน็ตเรียกว่า มีหลากหลายรูปแบบให้ต้องระแวดระวัง เพราะโลกไซเบอร์มีเครือข่ายเชื่อมโยงทั่วทุกมุมโลก ภัยที่แฝงอยู่จึงมาได้หลายทาง หากแบ่งแยกแล้วอาจได้ประมาณ 3 กลุ่ม คือ
1. ภัยจากคนแปลกหน้า หรือบุคคลเสมือน บางทีเด็กหญิงที่เราเจอในแชทรูมที่จริงอาจเป็นชายวัยกลางกคนที่เข้ามาพูดคุยสร้างภาพเพื่อหลอกให้เราตายใจ หวังล่อลวงนัดพบ และเมื่อออกไปเจอเขาก็อาจถูกล่วงเกิน
หรือทำร้าย มิจฉาชีพกลุ่มหนึ่งทำเว็บไซต์ปลอมหลอกให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ เลขรหัสบัตรเครดิต แล้วนำไปใช้แอบอ้างเป็นตัวเรา
2. ภัยจากเนื้อหาต้องห้าม อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งรวมเนื้อหา ข้อมูล ข้อมูล รูปภาพ ความคิดเห็นนานาจากผู้คนทั่วโลก จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีทั้งข้อมูลที่สร้างสรรค์เป็นประโยชน์และข้อมูลที่เป็นอันตราย เช่น
มีการเผยแพร่สิ่งพิมพ์รูปภาพ หรือ โฆษณาวัตถุลามากอานาจาร ผิดกฎหมาย หมิ่นประมาท ยุยง ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม เนื้อหารุนแรงเกลียดชัง บ่อนทำลาย ผิดศีลธรรม เนื้อหาทางเพศโจ่งแจ้ง
3. ภัยจากการใช้งานไม่เหมาะสมอื่นๆ ไวรัสคอมพิวเตอร์แพร่ระบาดได้ง่ายผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้ที่ขาดความรู้และความระมัดระวัง มันจะกระจายตัวอย่างรวดเร็วและสร้างความเสียหายได้คราวละมาก ๆ
นอกจากนี้ยังมีผู้ไม่ประสงค์ดีทำการบุกรุกเครือข่ายเพื่อขโมยข้อมูล แก้ไขข้อมูลเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ทำการโจมตีให้ระบบล่ม ภัยจากโลกไซเบอร์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งได้แก่ การที่เด็กและเยาวชนใช้เวลามากเกินไปบนโลกออนไลน์
ทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ละเลยต่อการเรียนหรือกิจกรรมกลางแจ้งในโลกปกติ ทำให้เสียสุขภาพและขาดทักษะการเรียนรู้ทางสังคม
1. พิชชิ่ง (pifishing) คือการเลียนแบบทำเหมือนต้นฉบับทุกประการ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ส่วนใหญ่อาชญากรจะในการทำธุรกรรมทางด้านการเงิน อย่างเช่น การฝากเงิน การถอน หรือการโอนเงิน ด้วยการตั้งเว็บไซต์ขึ้นมาเหมือนกับธนาคารทุกประการและหลังจากนั้นจะมีการหลอกผู้ที่เข้าไปใช้บริการเพื่อเอารหัสบัญชีแล้วนำไปทำธุรกรรมอย่างอื่น
2. ภัยจากเว็บแคม ถือได้ว่าเป็นภัยที่นับวันจะมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะกับเด็กวัยรุ่น เพราะมิจฉาชีพจะติดกล้องไว้ที่ตัวคอมพิวเตอร์เพื่อดูพฤติกรรมของฝ่ายหนึ่ง และเว็บแคมทุกวันนี้มีความรุนแรงมากขึ้น
ถึงขั้นลามกอนาจาร หรือเรียกกันง่าย ๆ ก็คือ ขายบริการทางเพศทางเว็บนั่นเอง ที่นี้ลองมานึกภาพดูซิว่าถ้าเป็นลูกหลานของท่านกำลังมีพฤติกรรมแบบนี้ และไม่สามารถยับยั้งชั่งใจตนเอง ได้ผลที่จะตามมาก็คือเสียเงินค่าบริการ
ขาดความสนใจในการเรียน เสียสุขภาพเพราะนอนดึก ร้ายไปกว่านั้นอาจส่งผลถึงสุขภาพจิต ซึ่งไม่แน่ว่าเป็นสาเหตุก่อให้เกิดการข่มขืนกระทำชำเราตามที่เป็นข่าวอยู่เนือง ๆ
3. ภัยจากบัตรเครดิต ซึ่งเป็นภัยของพวกนักช้อปฯ หรือผู้ที่ไม่ต้องการพกเงินสดติดตัวเป็นจำนวนมากก็จะบัตรเครดิตในการชำระสินค้าต่าง ๆ แต่ใครจะรู้ว่าถึงเวลาชำระค่าบัตรกลับมีตัวเลขที่ต้องชำระเพิ่มขึ้นอย่างมากโขทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ใช้
ซึ่งวิธีการที่พวกมิจฉาชีพมักจะหาประโยชน์จากบัตรเครดิตคือ ทุกครั้งที่มีการรูดบัตรตัวเครื่องก็จะทำการอ่านบัตรและเชื่อมตัวไปยังธนาคารเจ้าของบัตร แต่ระหว่างที่มีการติดต่อกันระหว่างเครื่องรูดบัตรกับธนาคาร พวกมิจฉาชีพก็ได้นำเครื่อง
เล่น Mp3 ไปไว้เพื่อดักฟังข้อมูล
4. ภัยที่มากับเกมคอมพิวเตอร์ ฟังดูเผิน ๆ แล้วไม่น่าจะมีพิษสงอะไรมากนัก เพราะเป็นเกมเล่นเฉย ๆ แต่ท่านผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าเกมคอมพิวเตอร์ได้ส่งผลเสียต่อผู้คนที่ขาดสติสัมปชัญญะจนเสียผู้เสียคนมามากต่อมากแล้ว
ดังเช่น เกม GTA ที่เป็นข่าวครึกโครมกัน เพราะเกมก็เหมือนกับของหลาย ๆ อย่างในโลกนี้ ที่มีทั้งด้านบวกและด้านลบ ถ้ารู้จักใช้หรือใช้พอเหมาะพอดีก็จะเกิดประโยชน์ แต่ถ้าไม่รู้จักใช้หรือใช้มากเกินไปก็จะก่อให้เกิดโทษ
อันตรายจากโลกไซเบอร์เพิ่มขึ้นทุกวัน จากข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่ถูกลวงไปเพื่อทำอนาจาร ข่มขืน ถ่ายคลิปวิดีโอ เกิดจากการเชื่อคนง่าย ขาดวิจารณญาณในการฟัง การคิด ชอบความสบาย ความสนุกเป็นที่ตั้ง จึงทำให้เด็กผู้หญิงถูกหลอกง่ายขึ้น
ที่มา =
http://www.sahavicha.com/?name=article&file=readarticle&id=453
อานันท์ปภา ฉลาดเอื้อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น